โรคมะเร็งเป็นโรคที่ติดอันดับต้นๆ ที่ฆ่าชีวิตคนไทยมาอย่างยาวนาน
โรคมะเร็งมีระยะทั้งหมด 5 ระยะได้แก่
- ระยะที่ 0 : เซลล์มะเร็งยังไม่บุกรุกเข้าไปในเนื้อเยื่อข้างเคียง
- ระยะที่ 1 : เซลล์มะเร็งบุกรุกเข้าไปในเนื้อเยื่อข้างเคียงเพียงเล็กน้อย
- ระยะที่ 2 : เซลล์มะเร็งบุกรุกเข้าไปในเนื้อเยื่อข้างเคียงมากขึ้น
- ระยะที่ 3 : เซลล์มะเร็งแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ใกล้
- ระยะที่ 4 : เซลล์มะเร็งแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น ๆ ของร่างกาย
ระยะของมะเร็งเป็นตัวบ่งชี้ถึงความก้าวหน้าของโรคและแนวทางการรักษาที่เหมาะสม โดยทั่วไปแล้ว มะเร็งที่ตรวจพบในระยะเริ่มต้นมีโอกาสรักษาให้หายขาดได้มากกว่ามะเร็งที่ตรวจพบในระยะลุกลาม
เริ่มจากมะเร็งระยะที่ 0
เป็นระยะที่หลายคนอาจจะไม่เคยได้ยินมาก่อน มะเร็งระยะที่ 0 เรียกว่ามะเร็งระยะต้น ๆ (Carcinoma in situ) อยู่ลึกลงไปในชั้นของเซลล์ปกติ ยังไม่แทรกเข้าไปในเนื้อเยื่อปกติ เซลล์ที่ผิดปกติเหล่านี้อาจกลายเป็นเซลล์มะเร็งในเวลาต่อมา และอาจแพร่กระจายไปยังเนื้อเยื่อปกติบริเวณนั้นได้
มะเร็งระยะที่ 1
มะเร็งระยะที่ 1 มีขนาดเล็กกว่า 5 เซนติเมตร สามารถมองเห็นได้ด้วยกล้องจุลทรรศน์หรือตาเปล่า มะเร็งระยะนี้จะยังคงอยู่ในอวัยวะที่เกิดมะเร็ง
มะเร็งระยะที่ 2
เซลล์มะเร็งระยะที่ 2 แพร่กระจายไปยังบริเวณใกล้เคียงอวัยวะที่กำเนิดมะเร็ง เช่น ผิวหนัง กล้ามเนื้อ หรือต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ใกล้
มะเร็งระยะที่ 3
เซลล์มะเร็งระยะที่ 3 แพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ใกล้ อวัยวะที่มะเร็งกระจายไปอาจมีขนาดและตำแหน่งที่แตกต่างกัน
มะเร็งระยะที่ 4
เซลล์มะเร็งระยะที่ 4 แพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น ๆ ของร่างกาย เช่น ช่องท้อง ตับ ลำไส้ หรือปอด เป็นต้น เซลล์มะเร็งเหล่านี้สามารถเจริญเติบโตและลุกลามเข้าไปในอวัยวะใกล้เคียงได้ โดยผ่านกระแสเลือดหรือต่อมน้ำเหลือง
ตอนนี้ TISCOInsure มีประกันมะเร็งที่คุ้มครองมะเร็งทุกระยะ และมะเร็งทุกชนิด หากตรวจเจอจ่ายเงินก้อนเต็มจำนวน 100% และยังมีค่ารักษาต่อเนื่องให้อีกด้วย ประกันมะเร็งที่ครบและตอบโจทย์ที่สุด ประกันมะเร็ง ทิสโก้ ZCP
การรับมือกับโรคมะเร็ง
เมื่อทราบว่าตนเองเป็นมะเร็ง ผู้ป่วยควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด การรักษาโรคมะเร็งในปัจจุบันมีหลากหลายวิธี เช่น การผ่าตัด การฉายรังสี เคมีบำบัด การรักษาด้วยยาชีวภาพ เป็นต้น ผู้ป่วยควรเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับชนิดและระยะของมะเร็ง รวมถึงสภาพร่างกายของตนเอง
นอกจากการรักษาแล้ว ผู้ป่วยควรดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจของตนเองให้ดี รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ และฝึกฝนเทคนิคการผ่อนคลายความเครียด การได้รับกำลังใจจากครอบครัวและคนรอบข้างก็มีความสำคัญเช่นกัน
การได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งอาจสร้างความเครียดและความวิตกกังวลให้กับผู้ป่วยเป็นอย่างมาก ผู้ป่วยควรรับมือกับโรคมะเร็งอย่างมีสติและพยายามรักษาสุขภาพร่างกายและจิตใจให้ดี เพื่อให้สามารถต่อสู้กับโรคร้ายนี้ได้