ตากระตุกเรื่องเล็กที่อาจไม่เล็กอย่างที่คิด
หลายคนเคยมีอาการตากระตุกและอาจเคยได้ยินความเชื่อที่ว่า “ขวาร้าย ซ้ายดี” แต่ในความเป็นจริง อาการตากระตุกอาจมีทั้งสาเหตุที่ไม่อันตราย และบางกรณีอาจเป็นสัญญาณเตือนโรคที่ซ่อนอยู่ วันนี้เราจะพาคุณมารู้จักอาการนี้อย่างละเอียด พร้อมวิธีดูแลสุขภาพตาให้ห่างไกลจากปัญหา
ตากระตุกเกิดจากอะไร?
ตากระตุกเกิดจากการทำงานผิดปกติของกล้ามเนื้อที่เรียกว่า Orbicularis Oculi ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อรอบดวงตา อาการนี้มักเกิดขึ้นข้างเดียว (ขวาหรือซ้าย) และมักมีสาเหตุดังนี้:
- การใช้สายตามากเกินไป
การจ้องจอคอมพิวเตอร์ มือถือ หรือแท็บเล็ตนาน ๆ ทำให้กล้ามเนื้อตาเหนื่อยล้า
- ความเครียดและการนอนหลับไม่เพียงพอ
ความเครียดสะสมและการพักผ่อนไม่เพียงพอเป็นตัวกระตุ้นอาการตากระตุกได้
- การบริโภคคาเฟอีนเกินขนาด
การดื่มกาแฟหรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนมากเกินไปสามารถกระตุ้นการทำงานของเส้นประสาทที่ควบคุมกล้ามเนื้อตา
- โรคประจำตัวหรือภาวะอื่น ๆ
เช่น ไทรอยด์เป็นพิษ อาจทำให้อาการตากระตุกเกิดขึ้นบ่อยและรุนแรงขึ้น
ตากระตุกแบบไหนที่ควรระวัง?
ในกรณีทั่วไป อาการตากระตุกมักไม่อันตรายและจะหายไปเอง แต่หากคุณมีอาการดังต่อไปนี้ ควรปรึกษาแพทย์ทันที:
- อาการตากระตุกนานเกิน 2-3 สัปดาห์
- กระตุกทั้งใบหน้า ไม่ใช่เฉพาะบริเวณรอบตา
- การมองเห็นผิดปกติ เช่น เห็นภาพซ้อนหรือพร่ามัว
- มีกล้ามเนื้ออ่อนแรงในบริเวณใบหน้าหรือร่างกาย
- มีอาการปวดศีรษะร่วมด้วย
อาการเหล่านี้อาจเกี่ยวข้องกับโรคทางระบบประสาท เช่น เนื้องอกในสมอง หรือ Multiple Sclerosis (โรคเอ็มเอส)
วิธีดูแลและป้องกันตากระตุก
- ลดการใช้สายตา ใช้กฎ 20-20-20: ทุก ๆ 20 นาทีที่จ้องจอ ให้มองสิ่งที่อยู่ห่างออกไป 20 ฟุต นาน 20 วินาที
- พักผ่อนให้เพียงพอ นอนหลับวันละ 7-8 ชั่วโมง เพื่อลดความเครียดและให้ร่างกายได้ฟื้นฟู
- ควบคุมการบริโภคคาเฟอีน จำกัดปริมาณกาแฟหรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เพื่อหลีกเลี่ยงการกระตุ้นเส้นประสาท
- ใช้น้ำตาเทียม หยอดน้ำตาเทียมเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น และลดอาการระคายเคืองจากการใช้สายตาหนัก
- ลดความเครียด ออกกำลังกาย ฟังเพลง หรือทำกิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลาย เช่น การทำสมาธิ
ประกันสุขภาพ BDMS ดีอย่างไร
- วงเงินรักษาสูงสุด 5 ล้านบาท
- ไม่บอกเลิกสัญญาแม้จะเคลมเยอะ
- ค่าใช้จ่ายในการรักษา จ่ายตามจริง
- โรงพยาบาลกรุงเทพและในเครือ BDMS ประเทศไทย
- ค่าเบี้ยคงที่ตามช่วงอายุ
- ไม่เคลมมีเงินคืนสูงสุด 10%
อาการตากระตุกที่ต้องฉีดโบท็อกซ์หรือผ่าตัด
ในบางกรณี เช่น Blepharospasm (BFS) ซึ่งเป็นอาการตากระตุกทั้งสองข้างที่รุนแรงและต่อเนื่องจนรบกวนชีวิตประจำวัน แพทย์อาจแนะนำให้:
- ฉีดโบท็อกซ์ เพื่อคลายกล้ามเนื้อบริเวณดวงตา
- ผ่าตัดบางส่วนของกล้ามเนื้อ หากโบท็อกซ์ไม่ได้ผล
สรุป ตากระตุกขวาร้าย ซ้ายดี จริงไหม
อาการตากระตุกส่วนใหญ่ไม่มีอันตรายและมักเกี่ยวข้องกับความล้าหรือการพักผ่อนไม่เพียงพอ ความเชื่อเรื่อง “ขวาร้าย ซ้ายดี” เป็นเพียงความเชื่อพื้นบ้านที่ไม่มีหลักฐานทางการแพทย์รองรับ
หากคุณมีอาการตากระตุกบ่อยครั้ง ร่วมกับอาการผิดปกติอื่น ๆ ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด อย่าลืมดูแลสุขภาพดวงตา และพักผ่อนอย่างเพียงพอ เพื่อป้องกันอาการไม่พึงประสงค์เหล่านี้ในอนาคต