เกณฑ์ประกันรถยนต์ไฟฟ้า Update ปี 2567

เกณฑ์ประกันรถยนต์ไฟฟ้า

ข่าวล่าสุดเรื่องการปรับกฎเกณฑ์ใหม่ของประกันรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งมีการปรับเปลี่ยนหลายอย่างจากประกันรถยนต์ธรรมดา วันนี้เราจะมาเจาะลึกถึงเกณฑ์ใหม่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้ากัน ก่อนจะเริ่มขอบอกก่อนเลยว่าการปรับเกณฑ์นี้ เพราะต้องการแก้ไขปัญหาราคาประกันรถยนต์ไฟฟ้าที่มีราคาสูง

เกณฑ์รถยนต์ไฟฟ้ามีเรื่องทั้งหมดดังนี้

1.การรับประกับรถยนต์ไฟฟ้า

ข่าวดีสำหรับผู้ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้า หรือ รถยนต์ EV เตรียมพบกับประกันรถ EV รูปแบบใหม่ ที่มีความคุ้มครองครอบคลุม ยืดหยุ่น และตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ เริ่มประกาศใช้ตั้งแต่ 1 มกราคม 2567 บริษัทประกันภัยสามารถเสนอขายประกันรถ EV รูปแบบใหม่ได้เลย แต่บังคับใช้ทุกบริษัทประกันวันที่ 1 มิถุนายน 2567  บังคับใช้เกณฑ์ใหม่กับบริษัทประกันภัยทุกแห่ง

คุ้มครองแบตเตอรี่

2.ความคุ้มครองแบตเตอรี่

ความคุ้มครองแบตเตอรี่จะมีการนำอายุการใช้งานเข้ามาคำนวณด้วยเป็นการคิดค่าเสื่อมของแบตเตอรี่ การคุ้มครองจะเริ่มต้นจากปีแรกที่คุ้มครอง 100% และจะลดลงเรื่อยๆ ตามอายุการใช้งานของรถยนต์โดยลดลงสูงสุดที่ 50%

ซึ่งการคุ้มครองในตารางนี้จะใช้ในกรณีที่รถเกิดอุบัติเหตุที่มีความเสียหายถึงแบตเตอรี่ และต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ทั้งชุด หากแบตเตอรี่สามารถซ่อมได้ หรือเปลี่ยนโมดูลได้ จะได้รับความคุ้มครองตามปกติ ไม่ได้คิดค่าเสื่อมของแบตเตอรี่

ตารางความคุ้มครอง

อายุการใช้งานแบตเตอรี่ไม่เกิน 1 ปี: 100%

อายุการใช้งานแบตเตอรี่ไม่เกิน 2 ปี: 90%

อายุการใช้งานแบตเตอรี่ไม่เกิน 3 ปี: 80%

อายุการใช้งานแบตเตอรี่ไม่เกิน 4 ปี: 70%

อายุการใช้งานแบตเตอรี่ไม่เกิน 5 ปี: 60%

อายุการใช้งานแบตเตอรี่เกิน 5 ปี: 50%

การเพิ่มความคุ้มครองเพิ่มเติมสำหรับแบตเตอรี่

หากใครกังวลว่าเวลาเกิดเหตุแล้วจะต้องเสียเงินค่าแบตเตอรี่ราคาแพง ก็สามารถซื้อความคุ้มครองเพิ่มเติมในส่วนของแบตเตอรี่ได้ Batterry Replacement ซึ่งราคาคาดการณ์ประมาณ 300 บาท ในปีที่ 2 และประมาณ 500-1500 บาทในปีถัดๆ ไป เพื่อให้คุ้มครองแบตเตอรี่ 100% ได้  ตอนนี้ยังไม่มีบริษัทประกันออกผลิตภัณฑ์นี้ออกมา แต่มีที่ใกล้เคียงคือ ประกันส่วนต่างมูลค่ารถ ที่ให้ความคุ้มครองกรณีคืนทุนประกัน 100%

3.กรรมสิทธิ์ซากแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า

เงื่อนไขใหม่ในครั้งนี้เราจะมีสิทธิในการเป็นเจ้าของแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าด้วย แต่จะเป็นได้ต่อเมื่อเราร่วมจ่ายค่าแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า

จำตารางด้านบนได้ใช่ไหม หากเราใช้รถปีที่ 2 แล้ว เกิดอุบัติเหตุที่ทำให้แบตเตอรี่ต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งลูก บริษัทประกันจะออกให้ 90% เราออก 10% สมมุติว่าแบตเตอรี่ราคา 656,000 บาท เราต้องออก 65,000 บาท ประกันออก 590,400 บาท เพื่อให้ได้แบตเตอรี่ใหม่

เมื่อบริษัทประกันนำแบตเตอรี่ไปขาย แล้วได้เงินมาสมมุติว่าได้มา 100,000 บาท บริษัทประกันจะจ่ายเงินให้เรา 10% คือ 10,000 บาท

แต่ถ้าเราซื้อความคุ้มครองแบตเตอรี่เพิ่มก็จะไม่ต้องจ่ายเพิ่มในส่วนนี้ แต่ตอนนี้ยังไม่มีบริษัทประกันออกแบบประกันคุ้มครองแบตเตอรี่ออกมา แต่มีประกันที่มีความใกล้เคียงกันคือ Auto Gap ประกันส่วนต่างมูลค่ารถยนต์ ที่จะคุ้มครองรถยนต์เต็ม 100% เมื่อเกิดอุบัติเหตุคืนทุนประกัน

4.ต้องระบุผู้ขับขี่ สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า

ปกติประกันรถยนต์เดิมจะระบุผู้ขับขี่ก็ได้ หรือไม่ระบุก็ได้ แต่ประกันรถยนต์ไฟฟ้าจำเป็นต้องระบุชื่อผู้ขับขี่ ซึ่งสามารถระบุผู้ขับขี่ได้สูงสุด 5 คน ถ้าเป็นกรณีที่เป็นนิติบุคคลไม่ต้องระบุผู้ขับขี่ ยกเว้นรถประจำตำแหน่ง

Charge

5.เพิ่มความคุ้มครอง สายชาร์จพกพา

คุ้มครองสายชาร์จพกพา (Portable EV Charger) ที่ติดมากับตัวรถเท่านั้น ซึ่งความคุ้มครองนี้รวมอยู่ในทุนประกัน และคุ้มครองกรณีสายชาร์จสูญหายอันเนื่องมาจากการถูกโจรกรรม และความเสียหายจากอุบัติเหตุ ไม่คุ้มครอง Wall Charge ที่ติดอยู่ที่บ้าน

hacker

6.เพิ่มความคุ้มครองการ Hack Software รถยนต์ไฟฟ้า

คุ้มครองเรื่อง Cyber Breach ที่ส่งผลทำให้เกิดคาวมเสียหาย ต่อชุดคำสั่ง หรือระบบปฏิบัติการที่ใช้ควบคุมรถยนต์ (Software) เช่น การขับเคลื่อน หยุดรถ และการควบคุมการทำงานส่วนอื่นๆ ที่จะทำให้เกิดความเสียหายต่อบุคคลภายนอก และตัวรถยนต์ ซึ่งหากเราทำการเจลเบรก หรือปรับ เปลี่ยนการทำงาน software เองแล้วเกิดความเสียหาย ประกันรถยนต์จะไม่คุ้มครองนะ

7.เพิ่มส่วนลดพฤติกรรมการขับขี่

ประกันรถยนต์เดิมจะมีส่วนลดประวัติดีให้อยู่แล้ว สูงสุดที่ 40% แต่ส่วนลดประวัติดีจะติดกับตัวรถ

เกณฑ์ในการได้ส่วนลดประวัติดี

  • ไม่มีเคลม ในกรณีที่เราเป็นฝ่ายผิด
  • ต่อประกันกับบริษัทประกันเดิม

ส่วนลดประวัติดีจะเพิ่มระดับดังนี้

–           ขั้นที่ 1 ลด 20%

–           ขั้นที่ 2 ลด 30%

–           ขั้นที่ 3 ลด 40%

หากมีการเคลมฝ่ายผิดก็อาจจะถูกลดขั้นลง เช่น เราอยู่ขั้นที่ 3 ได้ส่วนลด 40% หากปีนี้ขับรถชนบ่อยเป็นฝ่ายผิด ปีหน้าอาจจะถูกลดส่วนลดลงเป็นขั้นที่ 2 ลด 30% เป็นต้น

ส่วนลดพฤติกรรมการขับขี่

ส่วนลดพฤติกรรมการขับขี่จะให้ส่วนลดที่ “คน”

เกณฑ์ในการได้ส่วนลดพฤติกรรมการขับขี่

  • ไม่มีเคลม ในกรณีที่เราเป็นฝ่ายผิด
  • ต่อประกันกับบริษัทไหนก็ได้

ส่วนลดประวัติดีจะเพิ่มระดับดังนี้

  • ขั้นที่ 1 ลด 20%
  • ขั้นที่ 2 ลด 30%
  • ขั้นที่ 3 ลด 40%

เท่ากับว่าผู้บริโภคจะได้ส่วนลดทั้ง 2 ส่วน จะทำให้เบี้ยประกันภัยจะถูกลงตามพฤติกรรมการขับรถของเรา

แชร์บทความนี้