เงินอุดหนุน รถ EV 3.5
สำหรับมาตรการ EV 3.5 รัฐจะให้เงินอุดหนุนกับรถ 3 ประเภทเท่านั้นได้แก่ รถยนต์ไฟฟ้า รถกระบะไฟฟ้า และรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า โดยมีรายละเอียดดังนี้
- กรณีรถยนต์ไฟฟ้าราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท ที่มีขนาดแบตเตอรี่ตั้งแต่ 50 kWh จะได้รับเงินอุดหนุน ระหว่าง 50,000-100,000 บาท/คัน สำหรับขนาดแบตเตอรี่ต่ำกว่า 50 kWh จะได้รับเงินอุดหนุนระหว่าง 20,000-50,000 บาท/คัน
- กรณีรถกระบะไฟฟ้าราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท ที่มีขนาดแบตเตอรี่ตั้งแต่ 50 kWh จะได้รับเงินอุดหนุน ระหว่าง 50,000-100,000 บาท/คัน
- กรณีรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าราคาไม่เกิน 150,000 บาท ที่มีขนาดแบตเตอรี่ตั้งแต่ 3 kWh จะได้รับเงินอุดหนุน ระหว่าง 5,000-10,000 บาท/คัน
ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะหารือร่วมกันเพื่อกำหนดอัตราเงินอุดหนุนที่เหมาะสมและจะนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาภายในเดือนพฤศจิกายน
รวมถึงมาตรการ EV 3.5 จะมีการลดอากรนำเข้าไม่เกินร้อยละ 40 สำหรับการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าสำเร็จรูป (CBU) ในช่วง 2 ปีแรก (พ.ศ. 2567-2568) กรณีเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท และลดอัตราภาษีสรรพสามิตจากร้อยละ 8 เหลือร้อยละ 2 สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท
ปรับเงื่อนไขการลงทุนเพื่อส่งเสริมการผลิตในประเทศ
เพื่อสนับสนุนการผลิตในประเทศในปี 2569 ทางเราได้ปรับเงื่อนไขการลงทุนเพื่อสร้างกระตุ้นให้ผู้ลงทุนนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า ในอัตราส่วน 1 : 2 ซึ่งหมายความว่า การนำเข้า 1 คันจะได้รับการผลิตชดเชย 2 คัน และเรายังมีแผนที่จะเพิ่มอัตราส่วนเป็น 1 : 3 ในปี 2570
ที่สำคัญคือการให้แบตเตอรี่ของรถยนต์ไฟฟ้าที่นำเข้า และผลิตในประเทศไทยต้องประกอบไปด้วยมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) และต้องผ่านการทดสอบตามมาตรฐานสากลที่กำหนดโดยศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ (ATTRIC) อีกทั้งยานยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตต้องรองรับการใช้ Quick Charge ด้วยความสามารถที่มีประสิทธิภาพ
ที่มา : prachachat