พ.ร.บ. รถยนต์ หรือ “พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ” เป็นหนึ่งในกฎหมายที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในประเทศไทย โดยบังคับให้เจ้าของรถยนต์ทุกคนต้องทำประกันภัยตามกฎหมาย เพื่อให้ได้รับความคุ้มครองในกรณีเกิดอุบัติเหตุ คุ้มครองทางด้านการเงินแก่ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยเริ่มมีการบังคับใช้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2535
สิทธิประโยชน์ที่คนใช้รถควรรู้ ความคุ้มครองของประกัน พ.ร.บ. ที่ปรับเพิ่มจาก 300,000 บาท เป็น 500,000 บาท โดยที่ไม่ขึ้นค่าเบี้ยเป็นเรื่องที่น่ายินดีกลับผู้ที่ทำ พ.ร.บ. ประกันภัยภาคบังคับ หากรถคันที่เกิดเหตุมีประกันรถยนต์ ภาคสมัครใจก็จะได้รับค่าชดเชยทั้ง 2 กรมธรรม์ ผู้ประสบภัยที่เสียชีวิต หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง จากการใช้รถก็จะได้ค่าสินไหมทดแทนขั้นต่ำ 1,000,000 บาท ต่อราย
ประเภทของความคุ้มครองใน พ.ร.บ. รถยนต์
พ.ร.บ. รถยนต์จะคุ้มครองกรณีที่เกิดอุบัติเหตุจากรถ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์หรือรถมอเตอร์ไซค์ จะคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล เช่น รถมอเตอร์ไซค์ล้ม ขี่มอเตอร์ไซค์ไปชนคู่กรณี แล้วเกิดบาดเจ็บต้องเข้าโรงพยาบาลก็สามารถเบิกค่ารักษาจาก พ.ร.บ.ได้ตามจริงไม่เกิน 30,000 บาท แต่ถ้าโดนคู่กรณีมาชนเราไม่ผิด จะคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลตามจริงไม่เกิน 80,000 บาท เป็นต้น
1.ค่าเสียหายเบื้องต้น
ค่าเสียหายเบื้องต้นที่จะได้รับโดยที่ ไม่ต้องรอพิสูจน์ความผิด
- ค่ารักษาพยาบาลจะจ่ายตามจริง สูงสุดไม่เกิน 30,000 บาทต่อคน
- การเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ หรือ ทุพพลภาพอย่างถาวร 35,000 บาทต่อคน
ซึ่งจะจ่ายต่อคน รวมกันแล้วอยู่ที่ 65,000 บาท
2. ค่าสินไหมทดแทน
คือ เงินชดเชยที่จะได้รับจาก พ.ร.บ. หลังการพิสูจน์แล้วเป็นฝ่ายถูกเท่านั้นจะได้รับ
- ค่ารักษาพยาบาลจ่ายตามจริง สูงสุดไม่เกิน 80,000 บาทต่อคน
- การเสียชีวิต หรือ ทุพพลภาพอย่างถาวร 500,000 บาทต่อคน
- กรณีสูญเสียอวัยวะตามเกณฑ์ จำนวนเงินคุ้มครองสูงสุด 250,000 บาท ถึง 500,000 บาท ต่อหนึ่งคน
- ค่าชดเชยการรักษาตัว กรณีผู้ป่วยใน 200 บาทต่อวัน แต่ไม่เกิน 20 วัน หรือไม่เกิน 4,000 บาท
*จำนวนเงินคุ้มครองสูงสุดรวมกันต้องไม่เกิน 304,000 บาท
- วงเงินคุ้มครองความรับผิดสูงสุดต่ออุบัติเหตุแต่ละครั้ง สำหรับรถยนต์ไม่เกิน 7 ที่นั่ง 5,000,000 ต่อครั้ง
- วงเงินคุ้มครองความรับผิดสูงสุดต่ออุบัติเหตุแต่ละครั้ง สำหรับรถยนต์เกิน 7 ที่นั่ง 10,000,000 ต่อครั้ง
ถ้าไม่ทำ พ.ร.บ. ผิดกฏหมายไหม?
มีความผิดตามกฎหมายจราจร และโดนเรียกค่าปรับเป็นจำนวนเงินไม่เกิน 10,000 บาท และถ้าไม่ได้ต่อ พรบ. ก็จะไม่สามารถต่อทะเบียนรถยนต์ประจำปีได้